สำหรับผู้ที่กำลังผ่อนรถยนต์อยู่และพบว่าภาระค่างวดต่อเดือนสูงจนเกินกำลัง การ “รีไฟแนนซ์รถยนต์” อาจเป็นทางออกที่ช่วยลดภาระการผ่อนให้เบาลงได้จริง แต่การ “รีไฟแนนซ์รถยนต์” ไม่ใช่แค่การขอสินเชื่อใหม่เท่านั้น ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่คุ้มค่า บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถยนต์อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

รีไฟแนนซ์รถยนต์ คือ การนำสินเชื่อรถยนต์เดิมที่ยังผ่อนไม่หมด ไปขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินอื่น โดยมีรถยนต์เป็นหลักประกัน วัตถุประสงค์หลักของการรีไฟแนนซ์คือ เพื่อลดภาระค่างวดรายเดือน ลดอัตราดอกเบี้ย หรือยืดระยะเวลาผ่อนชำระให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระเงินของคุณ

วางแผน 'รีไฟแนนซ์รถยนต์' อย่างไร ให้ค่างวดลดลงได้จริง
หลายคนเข้าใจผิดว่าการ ‘รีไฟแนนซ์รถยนต์’ จะทำให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลงเสมอไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว การรีไฟแนนซ์ให้คุ้มค่าต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ดังนี้
อัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรก หากอัตราดอกเบี้ยใหม่ต่ำกว่าของเดิม คุณจะสามารถลดค่างวดได้จริง แต่ต้องตรวจสอบด้วยว่าการคำนวณดอกเบี้ยเป็นแบบคงที่ (Fixed Rate) หรือแบบลดต้นลดดอก (Effective rate) เพราะผลรวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดอาจแตกต่างกัน
ระยะเวลาการผ่อน
การยืดระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น จะช่วยลดค่างวดต่อเดือนได้ แต่ต้องพิจารณาถึงดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญาที่อาจสูงขึ้น หากคุณเลือกผ่อนนานเกินไป อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเดิม
วงเงินประเมินรถ
หากสถาบันการเงินประเมินราคารถของคุณสูง คุณอาจได้รับวงเงินรีไฟแนนซ์ที่มากพอที่จะปิดหนี้เก่าและเหลือเงินส่วนต่างไว้ใช้จ่าย แต่ต้องระวังไม่ควรกู้เงินมากเกินความจำเป็น เพราะอาจกลายเป็นภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ประวัติการผ่อนชำระ
ประวัติการผ่อนชำระที่ดี ไม่เคยค้างชำระ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษหรือเงื่อนไขที่ดีขึ้นจากสถาบันการเงิน
ค่าใช้จ่ายแฝง
ค่าธรรมเนียมปิดบัญชีก่อนกำหนด (ถ้ามี), ค่าจัดการสินเชื่อ, ค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรนำมาคำนวณรวมกัน เพื่อประเมินว่าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้คุ้มค่ากับดอกเบี้ยที่ลดลงหรือไม่

ลดค่างวดรายเดือน
หากคุณสามารถหาอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม หรือยืดระยะเวลาผ่อนได้สำเร็จ ค่างวดรายเดือนจะลดลง ทำให้คุณมีเงินหมุนเวียนในชีวิตประจำวันมากขึ้น
เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
เมื่อค่างวดลดลง เงินที่เคยต้องจ่ายค่างวดสูง ๆ สามารถนำไปออม หรือใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นไ
ได้รับเงินส่วนต่าง
ในบางกรณีที่รถยนต์ยังมีมูลค่าคงเหลือหลังจากชำระหนี้เดิม คุณอาจได้รับเงินส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายหรือลงทุนได้
ปรับเงื่อนไขการผ่อนตามสถานะปัจจุบัน
หากสถานะทางการเงินของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น มีรายได้ที่มั่นคงขึ้น หรือมีเครดิตที่ดีขึ้น การรีไฟแนนซ์อาจเป็นโอกาสในการปรับเงื่อนไขการผ่อนให้เหมาะสมกับสถานะปัจจุบัน

ค่าใช้จ่ายแฝง
นอกจากค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้ว บางสถาบันการเงินอาจมีเงื่อนไขจุกจิก เช่น ค่าประเมินสภาพรถ ค่าปรับปิดสัญญาเดิม ซึ่งต้องจ่ายเป็นเงินก้อน ทำให้การรีไฟแนนซ์อาจไม่คุ้มค่าถ้าไม่ได้วางแผนมาก่อน
ระยะเวลาผ่อนที่ยาวขึ้น
แม้ค่างวดจะลด แต่ถ้ายืดระยะเวลาผ่อนนานไป คุณอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมมากกว่าเดิม
ความเสี่ยงหากขาดวินัย
การเหลือเงินเพิ่มจากการลดค่างวด อาจกลายเป็นโอกาสให้ใช้จ่ายเกินตัว และทำให้หนี้สะสมในส่วนอื่น ๆ หากไม่บริหารให้ดี

การรีไฟแนนซ์รถยนต์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่างวดและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน” ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ คุณควรถามตัวเองว่าต้องการรีไฟแนนซ์เพื่ออะไร และการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้จะตอบโจทย์ทางการเงินของคุณในระยะยาวหรือไม่ นอกจากนี้ ควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแฝงและเงื่อนไขต่าง ๆ จากหลาย ๆ สถาบันการเงินอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุด

หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการ ‘รีไฟแนนซ์รถยนต์’ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ “ด๊อกเตอร์ มันนี่” พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดทุกวิกฤตทางการเงิน
- ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
- อาชีพไหนก็กู้ได้
- ทำรายการได้ตลอด 24 ชม.
โทร 02-502-8888
สนใจสมัครสินเชื่อ
- กู้ได้ทุกอาชีพ
- ดอกต่ำสุด 0.39% ต่อเดือน
- ยืนยันตัวตนอนุมัติออนไลน์
เมื่อกดยืนยันส่งข้อมูล ถือว่าคุณอ่านและรับทราบ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรียบร้อยแล้ว